จูน กษมา เปิ้ล นาคร เอิร์น จิรวรรณ

เปิ้ล นาคร ยกครอบครัวร่วมงานเปิดตัว “เพลย์มอนโด” อาณาจักรสวนสนุกสำหรับเด็กระดับเวิลด์คลาส

Home / ข่าวและกิจกรรมดารา / เปิ้ล นาคร ยกครอบครัวร่วมงานเปิดตัว “เพลย์มอนโด” อาณาจักรสวนสนุกสำหรับเด็กระดับเวิลด์คลาส

        เพราะเด็กเป็นช่วงวัยที่ต้องการการเรียนรู้อย่างไม่รู้จบ เหล่าพ่อแม่ยุคใหม่จึงต้องมองหากิจกรรมหรือสถานที่เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้สิ่งใหม่ให้กับลูกน้อยอยู่เสมอ ซึ่งล่าสุด หรรษา ไกรโกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพลย์มอนโด กรุ๊ป ผู้นำด้านธุรกิจสวนสนุกที่มีประสบการณ์มากว่า 25 ปี ได้จัดงานเปิดตัว ‘เพลย์มอนโด’ (Playmondo) สวนสนุกแห่งใหม่กับการสร้างสรรค์เครื่องเล่นคุณภาพมาตรฐานระดับโลก พร้อมด้วยสนามยิงปืนเลเซอร์ ‘เพลย์สแควร์ เลเซอร์ แท็ก’ (Playsquare Laser Tag) ที่สามารถเล่นได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ด้วยการจำลองบรรยากาศการเล่นอย่างเหนือจินตนาการที่สามารถเปิดประสบการณ์ความสนุกและการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณโซน Forum ชั้น 2 เมื่อวันก่อน

   

        โดยในงานได้รับเกียรติจากครอบครัวเซเลบริตี้คนดังที่จูงมือเหล่าลูกน้อยเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ จุฑาธรรม จิราธิวัฒน์, วสุ วิรัชศิลป์, เจนนิส ยังพิชิต, มิลิน ยุวจรัสกุล, ร.อ. หญิงวันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์, พรพิลาส อัสสกุล, จิรวรรณ เตชะหรูวิจิตร, แพรวปรียา ชุมสาย ณ อยุธยา, ภูมิพัฒน์ – โสภิณ รองรัตน์, วรรณวิไล เตชะสมบูรณ์, จงกล พลาฤทธิ์, ณธนพร เอื้อวันทนาคูณ, พรพรรณ พงษ์ศักดิ์, นันทนัช มงคลรัตนชาติ, ณัฏฐ์ธนิน คุณาธนาฒย์, ดวงกมล ถิระวัฒน์ และอีกมากมาย รวมถึงนักแสดงชื่อดัง เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย และ จูน-กษมา ศิลาชัย ที่พาครอบครัวมาร่วมสนุกและสร้างสีสันในงานครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

   

 

        หรรษา ไกรโกศล กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสวนสนุกแห่งนี้ว่า ‘เราเชื่อเสมอว่าเด็กสามารถเกิดการเรียนรู้และความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ได้จากการเล่น ประกอบกับเราเองก็คลุกคลีอยู่กับธุรกิจสวนสนุกมานาน จึงทำให้สังเกตเห็นพฤติกรรมการเล่นและความชอบของเด็กได้ไม่ยาก สวนสนุกเพลย์มอนโดแห่งนี้จึงเกิดจากไอเดียที่ต้องการจำลองสวนสนุกในร่มให้เป็นเหมือนโลกใบเล็กที่เด็กๆ สามารถเล่นและเรียนรู้ในสถานที่ที่ปลอดภัย ด้วยเครื่องเล่นนานาชนิดที่ช่วยสร้างจินตนาการให้กับพวกเขาได้ โดยเราได้เลือกมาสคอต (Mascot) ของเพลย์มอนโดเป็นหมีน้ำที่มีชื่อเรียกว่าพี่ม่อน ซึ่งสัตว์ชนิดนี้ได้ชื่อว่ามีความทรหดที่สุดในโลก เพราะสามารถอยู่ท่ามกลางธรรมชาติได้ในทุกสภาพอากาศ เราจึงอยากให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องความอดทนและความสวยงามของธรรมชาติผ่านมาสคอต (Mascot) ตัวนี้’

   

        ‘เพลย์มอนโด’ (Playmondo) สวนสนุกเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1-13 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ เพลย์ (Play) เพลิน เลิร์น (Learn) รู้ ที่เด็กๆ สามารถผจญภัยใน 4 โซนเครื่องเล่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมากจากธรรมชาติที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็น ทะเลทราย มหาสมุทร ภูเขาไฟ และป่าไม้ โดยเครื่องเล่นแต่ละชนิดนั้นสามารถเสริมสร้างการเจริญเติบโตในวัยเด็กได้ทั้ง 3 ด้าน ดังนี้ เริ่มจากการเจริญเติบโตทางการรับรู้และความเข้าใจ (Cognitive Development) จากเครื่องเล่นประเภทอินเตอร์แอคทีฟ (Interactive) หรือการเล่นแบบตอบโต้อย่าง บอล วอล (Ball Wall) ที่เด็กๆ สามารถโยนลูกบอลเข้าใส่ผนังเพื่อให้กระเด้งกลับมาที่ตัวและรับเอาไว้ รวมถึง บลู บล็อก (Blue Blocks) อุปกรณ์เสริมสร้างจินตนาการที่สามารถต่อชิ้นส่วนที่มีเป็นรูปร่างใดก็ได้ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างที่สนับสนุนให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และเข้าใจการแก้ปัญหา นับเป็นการพัฒนาความคิดและวิเคราะห์ที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี

    

        ต่อมาที่ การเจริญเติบโตด้านร่างกาย (PhysicalDevelopment) ที่ทางสวนสนุกได้ออกแบบเครื่องเล่นให้เด็กๆ ได้เคลื่อนไหวร่างกายในท่าทางที่หลากหลายทั้งการสนุกกับการกระโดดบนแผ่นแทรมโพลีน (Trampoline) หรือปีนป่ายผ่านการเล่น ไคล์มบิง วอล (Climbing Wall) หรือการไต่หน้าผาจำลอง เพื่อสร้างกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ และการเจริญเติบโตด้านสังคม (Social Development) ในทุกเครื่องเล่นของ ‘เพลย์มอนโด’ (Playmondo) ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้เด็กๆ ได้สนุกกับการเล่นร่วมกัน ซึ่งนอกจากจะทำให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณค่าแล้ว ยังทำให้เด็กทุกคนสามารถพบเพื่อนใหม่และสร้างประสบการณ์ที่ดีร่วมกันได้ โดยเครื่องเล่นและอุปกรณ์ทุกชนิดของ ‘เพลย์มอนโด’ (Playmondo) ได้ถูกออกแบบและผลิตโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของยุโรปและอเมริกาที่ได้รับความไว้วางใจจาก International Safety Certification อย่าง European Norm (Europe) และ IPEMA and ASTM (USA)

   

 

        สำหรับ ‘เพลย์สแควร์ เลเซอร์ แท็ก’ (Playsquare Laser Tag) นั้นเป็นสถานที่สำหรับนักรบอวกาศที่ออกแบบขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับห้วงอวกาศในรูปแบบของสนามเลเซอร์สุดล้ำสมัยที่เต็มไปด้วยแสง สี และเสียง ท่ามกลางสงครามกาแลคซี่ที่จะช่วยฝึกให้เด็กรู้จักการสังเกต การระวังตัว และการใช้สายตาในที่มืด ประกอบกับอุปกรณ์รุ่นใหม่ทั้งเสื้อเกราะเรืองแสงและปืนเลเซอร์ที่ไม่เป็นอันตรายภายใต้การนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา อีกทั้งภายในสนามยังมีอุปกรณ์กันกระแทกในทุกพื้นที่พร้อมเพิ่มความสนุกด้วยรูปแบบเกมส์ที่ถูกวางแผนมาอย่างเข้มข้น ให้ทุกคนสามารถสนุกได้อย่างเหนือจินตนาการ โดยผู้ที่สามารถเข้าเล่นกิจกรรมนี้ได้จะต้องมีความสูง 110 เซ็นติเมตรขึ้นไป หรือสามารถรับน้ำหนักของเสื้อเกราะได้

   

        บรรยากาศภายในงานอบอวลไปด้วยความสุขและความสนุกสนานของเด็กๆ ด้านเหล่าครอบครัวเซเลบริตี้คนดังต่างร่วมแบ่งปันเคล็ดลับวิธีการเลี้ยงลูกตามแบบฉบับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่แห่งปี 2019 เริ่มที่ คุณแม่ลูกแฝด เจนนิส ยังพิชิต เผยว่า ‘การเลี้ยงลูกแบบฉบับของเราจะเน้นให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพร่างกายของลูกที่ต้องแข็งแรง ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งปัจจุบันมีเชื้อโรคและเชื้อไวรัสมากมาย โดยทุกครั้งที่ลูกออกไปเล่นนอกบ้านเราต้องระมัดระวังและพยายามป้องกันเขาไว้เสมอ และอีกหนึ่งสิ่งคือสื่อโซเชียลในปัจจุบันที่มีความรวดเร็วและได้รับความนิยม เวลาเราเปิดรับข่าวสารก็จะระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่างวิดีโอการด่าทอด้วยคำหยาบ หรือมีความรุนแรง ซึ่งสามารถทำให้เด็กๆ เรียนรู้ ซึมซับ และมีพฤติกรรมเลียนแบบได้ ดังนั้นเราก็จะให้ขอบเขตการเรียนรู้และคอยสอนเขาอยู่เป็นประจำ ส่วนการเสริมสร้างพัฒนาการของลูกนั้นให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก อย่างลูกชายชอบเตะฟุตบอล ก็ฝึกฝนอยู่ทุกวัน และลูกสาวที่ชื่นชอบด้านศิลปะ ก็มักใช้เวลาว่างในการวาดรูป ระบายสีเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีด้วยตัวของพวกเขาเอง’

   

 

        ต่อมาที่ คุณแม่สายแฟชั่น มิลิน ยุวจรัสกุล เล่าว่า ‘วิธีการเลี้ยงลูกตามสไตล์ของเราจะเน้นความเป็นธรรมชาติของพัฒนาการตามวัยของลูก โดยจะมีกิจกรรมเสริมที่แตกต่างออกไปตามช่วงวัยของเขา หรือถ้ามีเวลาก็พาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อเปิดโลกของลูกๆ ให้กว้างขึ้น ได้เรียนรู้สิ่งรอบตัวหลากหลายมุมมองที่แตกต่างออกไปจากปกติที่เขาจะพบเจอในทุกๆ วัน อย่างไปเที่ยวลุยสวนหรือไปเล่นน้ำทะเล โดยเราจะสอนและอธิบายให้เขาฟังเป็นประจำ ก็มักจะมีการถามตอบที่ช่วยสร้างบรรยากาศของครอบครัวให้อบอุ่นขึ้นด้วย โดยตอนนี้ลูกสาวคนโตจะเป็นคนที่ลุยๆ กล้าพูดกล้าแสดงออก ซึ่งเราก็จะปล่อยให้เขาได้เล่นตามจินตนาการ แต่จะคอยมองเขาอยู่ห่างๆ’

   

        ถัดมาที่ คุณแม่สายลุย ร้อยเอกหญิง วันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ เผยว่า ‘ส่วนตัวเป็นคนที่เลี้ยงลูกแบบผสมผสาน โดยยึดหลักการเลี้ยงลูกแบบยุคเก่าผสมผสานกับยุคสมัยใหม่ ที่เน้นหนักเรื่องมารยาทและกาลเทศะเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เพราะเราต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม และจะเปิดโอกาสให้ลูกได้มีความคิดและการตัดสินใจด้วยตัวของเขาเอง ให้เขาได้พูดคุย สอบถามในสิ่งที่สงสัย และจะคอยสอนลูกอยู่เสมอโดยใช้วิธีการยกตัวอย่างบ้าง เช่นเวลานั่งดูการ์ตูนด้วยกันแล้วมีฉากที่ใช้ความรุนแรงเราก็จะใช้โอกาสนั้นสอนเขา หรือยกตัวอย่างกรณีเพิ่มเติม เพื่อให้เขาได้เข้าใจและเรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อมีกิจกรรมหรือการวางแผนทริปเที่ยวก็จะเปิดโอกาสให้เขาออกความคิดเห็น และตอนนี้เขาสนใจเรื่องการบวกเลขและการสะสมโมเดลรถ เราก็เปิดโอกาสให้เขาได้ทำและเรียนรู้แบบเต็มที่’

   

 

       ต่อมาที่ ครอบครัวแสนอบอุ่นของ วสุ วิรัชศิลป์ และ จุฑาธรรม จิราธิวัฒน์ เล่าว่า ‘วิธีการเลี้ยงลูกของเราจะคำนึงถึงความสะอาดและความปลอดภัยของลูกเป็นหลัก ไม่ว่าจะเล่นหรือไปเที่ยวที่ไหนซึ่งความสะอาดและความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับลูกที่เป็นวัยกำลังซน โดยเราจะต้องคอยจับตาดูอยู่ไม่ห่าง ด้านการเสริมสร้างพัฒนาการของลูก จะเน้นเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์ให้ลูก ซึ่งเราจะเปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกเล่นและเลือกทำในสิ่งที่เขาชอบ โดยเฉพาะด้านศิลปะที่ช่วยจะเปิดกว้างความคิดสร้างสรรค์แบบไร้ขอบเขต’

   

        ปิดท้ายที่ ครอบครัวอารมณ์ขัน เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย และ จูน-กษมา ศิลาชัย เผยว่า ‘สิ่งสำคัญของการเลี้ยงลูกสไตล์ของเราคือการให้อิสระ แต่ต้องมีการดูแลควบคุมเขาอยู่บ้าง ซึ่งวัยเด็กเป็นวัยที่ซุกซน พยายามเรียนรู้ด้วยตัวเอง บางครั้งก็อันตรายต่อตัวของเขาเอง โดยจะดุด่าหรือว่ากล่าวเขาให้น้อยที่สุด เพราะส่วนตัวเราเองก็เป็นคนที่ไม่ชอบห้ามปรามอยู่แล้ว ในปัจจุบันที่สื่อโซเชียลได้รับความนิยม เราก็เปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้ ตามทันยุคสมัย เวลาว่างของครอบครัวก็จะพากันไปออกกำลังกาย ส่งเสริมสุขภาพ บางครั้งก็ออกไปเรียนรู้ข้างนอกบ้านหลังจากที่ลูกๆ ได้เห็นมาจากวิดิโอในเว็บไซต์หรือสื่อออนไลน์ เพื่อให้เขาได้เห็นและเรียนรู้จากโลกจริงว่าเป็นอย่างไร อย่างพากันไปสวนสัตว์ เดินป่า หรือเล่นเจ็ตสกี’

   

 

        เปิดประสบการณ์ความสุขและความสนุกของเด็กๆ ได้แล้ววันนี้ที่ ‘เพลย์มอนโด’ (Playmondo) และ ‘เพลย์สแควร์ เลเซอร์ แท็ก’ (Playsquare Laser Tag) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 2 โดยสำหรับการเข้าเล่นที่สวนสนุก ‘เพลย์มอนโด’ (Playmondo) นั้นมีค่าบัตรเริ่มต้นอยู่ที่ราคา 550 บาท สำหรับเด็กที่มีส่วนสูง 75-100 เซนติเมตร และราคา 650 บาท สำหรับเด็กที่มีส่วนสูง 100 เซนติเมตรขึ้นไป โดยสามารถเล่นได้ 3 ชั่วโมงทุกเครื่องเล่น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง โทร.02-103-2455 และที่ ‘เพลย์สแควร์ เลเซอร์ แท็ก’ (Playsquare Laser Tag) นั้นมีค่าบัตรเริ่มต้นที่เกมส์ละ 350 บาท สามารถเล่นได้ 15 นาที สูงสุด 24 คน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง โทร.02-103-2499 เวลาเปิดทำการ 11.00 น. – 20.00 น. ทุกวัน