อั๋น ภูวนาท เป๋า วฤธ

เซเลปสายกรีน อั๋น ภูวนาท ยกครอบครัว ร่วมงานแถลงข่าว “SANSIRI TREE STORY”

Home / ข่าวและกิจกรรมดารา / เซเลปสายกรีน อั๋น ภูวนาท ยกครอบครัว ร่วมงานแถลงข่าว “SANSIRI TREE STORY”

        ในยุครุ่งเรืองของดิจิทัลที่ผู้คนใช้เวลากับอุปกรณ์สื่อสารอยู่ภายในอาคารมากกว่าการออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้ง อีกทั้งยังถูกรบกวนจากข้อมูลข่าวสารที่มีมากขึ้น จนทำให้เกิดความเครียดและทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ในขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ก็มีความตื่นตัวในเรื่องการดูแลสุขภาพและใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น

   

       แสนสิริ จึงวางวิสัยทัศน์ For Greater Well-being เพื่อต่อยอด 2 แนวคิด Green & Well-being ชวนสังคมร่วมกันปลูกต้นไม้ในใจ ผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อปจัดสวนถาด ‘สดชื่นแบบมินิ พื้นที่ไม่ใช่ข้อจำกัดของการปลูกต้นไม้’ ชี้ให้เห็นว่าถ้าเรามีต้นไม้ในใจไม่ว่าต้นไม้จะใหญ่หรือเล็ก พื้นที่จะกว้างหรืออยู่คอนโดมลภาวะร่างกายและจิตใจจะแก้ได้ด้วยต้นไม้ หวังช่วยกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักในคุณค่าของธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับชีวิตของมนุษย์ เพราะหากปราศจากต้นไม้ ก็อาจจะเรียกได้ว่าปราศจากชีวิต

   

        จริยา จันทร์เจิดศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เล่าว่า “เรื่องราวต้นไม้ของแสนสิริ ‘Sansiri Tree Story (แสนสิริ ทรี สตอรี่)’ เกิดขึ้นจากการเห็นคุณค่าความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ที่ใส่ใจมองให้ลึกลงไปถึงคุณค่าของต้นไม้ที่มีต่อชุมชน จึงเกิดเป็นแนวทางการจัดการพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ เพื่อสร้าง Joyful Moment ความสุขในการใช้ชีวิตที่คงคุณค่าให้อยู่กับเราตลอดไป ฉะนั้น แนวทางการออกแบบภูมิสถาปัตย์ของแสนสิริ คือ ‘เราออกแบบคุณค่า’ เชื่อมโยงให้ต้นไม้อยู่กับคนและคนอยู่กับต้นไม้ ได้อย่างเห็นคุณค่า เก็บรักษา ส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืน เพื่อสังคมอนาคต”

   

 

        เพราะแสนสิริเข้าใจถึงคุณค่าของธรรมชาติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการใช้ชีวิต เราจึงตั้งใจเก็บรักษา และดูแลต้นไม้ทุกๆต้นในโครงการ มาตลอดระยะเวลากว่า 35 ปี ให้เติบโตควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตของลูกบ้าน เพื่อให้ได้สัมผัสกับความสวยงามและคุณค่าของต้นไม้ ธรรมชาติรอบๆตัวที่มีอยู่ในโครงการ พร้อมส่งคุณค่านี้ให้ชุมชนและสังคมต่อไป

   

       โดยหลักคิดในการวางพื้นที่สีเขียวในแต่ละโครงการของแสนสิริ ก็คือ “จะปลูกต้นไม้ให้ยั่งยืนเริ่มที่การปลูกต้นไม้ในใจ เราเห็นคุณค่าของต้นไม้ที่มากกว่าลักษณะทางกายภาพ เราเห็นความผูกพัน โดยเฉพาะในต้นไม้เก่า เราจะเห็นอดีต เห็นประวัติศาสตร์ เป็นที่เก็บความทรงจำของธรรมชาติ เปรียบเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่ยืนหยัดมาจนถึงรุ่นเรา เขาสอนเราได้หลายเรื่อง ยิ่งถ้าเป็นในเรื่องกระบวนการเก็บต้นไม้เก่า ต้นไม้สอนเราเรื่องความละเอียดอ่อน ความมุ่งมั่น ความอดทน เอาชนะต่ออุปสรรคต่างๆ” จริยา เล่าเพิ่มเติม

   

 

        ด้าน อั๋น- ภูวนาท คุนผลิต ที่ควง จ๋า อลิสา และ น้องพอล มาช่วยกันจัดสวนถาดไม้บำบัด กล่าวว่า “อั๋นเห็นคุณค่าของต้นไม้ในมุมของความเป็นมิตรเอื้ออาทรที่มีให้กับทุกคนในชุมชน ทุกๆสิ่งมีชีวิตที่ได้มาอาศัยจนเกิดเป็นระบบนิเวศเฉพาะ นอกเหนือจากแผ่กิ่งก้านสาขา ให้ความร่มเย็น สบายใจสบายตา เป็นความอบอุ่น ที่เมื่อไรมาหามายืนดู มาแวะทักเขาก็พร้อมต้อนรับเราเสมอ จนบ่อยครั้งเราก็เผลอคุยกับต้นไม้ ต้นไม้มีความอัศจรรย์ เขาช่วยบำบัดเราได้ เมื่อเราไปอยู่ในพื้นที่สีเขียว ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ เราจะรู้สึกคุ้นเคย รู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย มีความสุขมากขึ้น ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์”

   

       “ยิ่งการที่อั๋นอยู่รวมกับบ้านของครอบครัวที่มีอายุ 40 กว่าปี การนั่งมองต้นไม้ในบ้านเราจะเห็นความ ทรงจำที่ดี เป็นความสุขที่ได้ระลึกถึงเรื่องราวต่างๆกับต้นไม้ในบ้าน ที่หลายๆ ต้นก็โตมาพร้อมกัน อั๋นมองว่าการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมไปด้วยต้นไม้มีความสัมพันธ์กับการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น และยังช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้ธรรมชาติ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ได้รับจากประสบการณ์ตรง เช่น เมื่อเราสอนให้ลูกปลูกต้นไม้ เราจะได้สอนเรื่องความรับผิดชอบ ดูแลเอาใจใส่ รดน้ำ พรวนดิน ลูกจะเรียนรู้เรื่องการสังเกตการณ์เติบโตของต้นไม้ ได้ฝึกความอดทน ความเพียรพยายาม ในการทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย เมื่อถึงวันที่เขาต้องออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ต้องเจอสิ่งใหม่ๆที่ท้าทาย เขาจะมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการรับมือกับปัญหาหรือความไม่สมหวังต่างๆ”

    

 

        ในมุมมองของ เป๋า-วฤธ หงสนันทน์ กับการที่เกิดมาในบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ ทำให้มองเห็นธรรมชาติในการใช้ชีวิต คือความมั่นคงบนความสมดุลเพราะกว่าต้นไม้ใหญ่จะเติบโตจนสูงให้ร่มเงาเขาได้ผ่านบททดสอบ ผ่านร้อนผ่านหนาว ต้นไม้ที่จะโตอย่างยั่งยืนได้ ต้องมีระบบรากที่มั่นคงก่อนเสมอ ก่อนที่จะค่อยๆ เติบโตแตกกิ่งก้านสาขาอย่างสมดุล ถ้าต้นไม้โตเกินกว่าลำต้นหรือฐานรากจะรับไหว ก็จะโค่นล้มได้ง่าย เปรียบเหมือนคนที่เร่งโตเกินไป ถ้ามองในปรัชญาการทำงาน ทำธุรกิจเราก็ต้องสร้างรากฐานสะสมประสบการณ์ ให้แข็งแรงก่อนจะขยายธุรกิจ ไม่เช่นนั้นถ้าเราเร่งโตขยายจนเกินขีดความสามารถของเราก็จะเป็นภาระ ดังนั้นเราก็ต้องตัดกิ่งอ่อนแอออก สางใบให้โปร่งมีแสงผ่านได้ และจัดการส่วนที่เป็นปัญหาและอาจเป็นปัญหาทิ้งไปเรา จึงจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ยั่งยืนมีคุณค่าต่อครอบครัวและสังคม”

   

        “จากบ้านใหญ่ย้ายมาอยู่คอนโด เป๋าก็ยังเลือกที่จะอยู่กับโครงการที่ให้ความสำคัญกับต้นไม้อาจจะเป็นต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ส่วนกลาง สวนแนวตั้งหรือต้นไม้ที่ระเบียงในห้อง เพราะรู้สึกถึงความเป็นเพื่อนที่ต้นไม้มีให้ เคยไหมที่เรามีเรื่องทุกข์เรื่องสุขในใจ บางทีเราไปนั่งในสวน ไปนั่งใต้ร่มไม้ ปรับทุกข์ เล่าเรื่องราวความสุข หรือบางทีก็นั่งเงียบๆ นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ต้นไม้ก็พร้อมที่จะรับฟังเราเสมอ ซึ่งดีมากเลย ที่แสนสิริออกแบบโครงการให้ทุกโครงการไม่ว่าจะบ้านเดี่ยวหรือคอนโดได้ใกล้ชิดธรรมชาติได้”

   

 

        ยศพล บุญสม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉมา จำกัด ภูมิสถาปนิก ผู้ใช้หลักการออกแบบภูมิสถาปัตย์และจัดการต้นไม้ ในแบบ Eco-Planting ให้หลายโครงการของแสนสิริ ทั้งในโครงการแนวสูงและแนวราบ กล่าวว่า “เราให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดตั้งแต่การวางตำแหน่งต้นไม้เพื่อความปลอดภัย การดูแลสุขภาพของต้นไม้ที่เชื่อมโยงต่อสุขภาพคน รวมไปถึงการนำแนวคิดต้นไม้บำบัดมาใช้ในการออกแบบพื้นที่สีเขียว ทั้งการปลูกให้ได้ร่มเงา การปลูกไม้กรองฝุ่น ดูดซับสารพิษ การบำบัดด้วยไม้กลิ่นหอม และเรื่องของความงามสุนทรียภาพที่มีต่อพื้นที่ เช่น การคัดเลือกพันธุ์ไม้ที่ให้สีสันในแต่ละฤดูกาล”

   

        “ที่แสนสิริ เรายึด 4 กระบวนการใส่ใจต้นไม้ นั่นคือ ‘เก็บ เลือก ปลูก รักษา’ การเก็บต้นไม้เก่า การเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสม การปลูกที่ถูกต้อง และการดูแลรักษาให้สวยงามยั่งยืน ที่ทำงานบนหลักการความเป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์ตรง ทั้งจากทีมงานพัฒนาโครงการภายในองค์กร ภูมิสถาปนิก และการจับมือกับมืออาชีพเช่น รุกขกร นักออกแบบจัดสวน ตั้งแต่เริ่มสำรวจที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ไปจนถึงการจัดการดูแลต้นไม้ในโครงการเพื่อคงความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมของที่อยู่อาศัย” จริยากล่าว พร้อมเล่าเพิ่มเติมว่า “ในด้านการออกแบบภูมิสถาปัตย์ ตำแหน่งที่อยู่ของต้นไม้เก่า เป็นความท้าทายให้เกิดการดีไซน์ เช่นที่ The Monument Thong Lo เราตัดสินใจเก็บต้นไม้ใหญ่อายุกว่า 50 ปีไว้ทั้งหมด 5 ต้น เพื่อให้เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่สุดในโซนทองหล่อและเอกมัย เช่นเดียวกับ ที่ VIA BOTANI ที่เราออกแบบอาคารให้โอบล้อมต้นจามจุรีอายุกว่า 80 ปี ให้เป็นแลนด์มาร์กของโครงการ”

   

 

       นอกเหนือจากการเก็บต้นไม้เก่า เรายังเน้นการใช้ต้นไม้จากเนอสเซอรี่ โดยมีการออกแบบจัดสวนเพื่อผสมผสานต้นไม้เก่าและต้นไม้ใหม่ ทั้งนี้ การดูแลรักษาให้สภาพสวนและต้นไม้ให้ดูสมบูรณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน แสนสิริยังจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ ทำคู่มือดูแลต้นไม้จากรุกขกรมืออาชีพสู่นิติบุคคล เพื่อรักษาคุณค่าของสภาพแวดล้อมในโครงการให้ยั่งยืน รวมไปถึงเพิ่มฟีเจอร์บริการให้ข้อมูลเทคนิคเคล็ดลับการดูแลต้นไม้บน Home Service Application ช่วยลูกบ้านคงความงามของต้นไม้ในสวน

   

       จริยา ทิ้งท้ายว่า การมีต้นไม้ในบ้านก็เหมือนสร้างปอดธรรมชาติในพื้นที่อาศัยที่เราอยู่ทุกวัน เพราะปกติแล้วเราต้องออกไปเจอกับมลพิษภายนอกอยู่ตลอดเวลา ต้นไม้ในบ้านจึงเหมือนเครื่องมือที่ช่วยบำบัดมลพิษให้กับตัวคุณ เราอยากชวนทุกคนมาปลูกและรักษาต้นไม้ ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่คอนโด เพราะพื้นที่ไม่ใช่ข้อจำกัดของการปลูกต้นไม้ ช่วยกันสร้างพื้นที่สีเขียวที่คนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนและยั่งยืน #SansiriTreeStory #SansiriGreenMission #ForGreaterWellBeing